Posts List

Health

  • โรคกระเพาะโรคธรรมดาที่ไม่ธรรมดา ส่งผลต่อชีวิตประจำวัน
    โรคกระเพาะโรคธรรมดาที่ไม่ธรรมดา ส่งผลต่อชีวิตประจำวัน

    โรคกระเพาะ หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า โรคกระเพาะอาหาร เกิดจากการอักเสบหรือการระคายเคืองบริเวณเยื่อบุภายในกระเพาะอาหาร เกิดขึ้นได้ทั้งแบบเฉียบพลัน ซึ่งสามารถหายได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ หรือมีอาการบ่อยครั้งเป็นระยะเวลานาน จนเกิดการอักเสบเรื้อรังทำให้เกิดแผล
    โรคกระเพาะสามารถแบ่งเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ได้แก่
    กลุ่มโรคกระเพาะอาหารชนิดที่ไม่มีแผล เป็นกลุ่มที่พบได้บ่อยมากสุด โดยมีสาเหตุมาจากการทำงานที่ผิดปกติ เช่น การบีบตัวของกระเพาะกับลำไส้ที่ทำงานไม่ประสานกัน หรืออาจเกิดจากสภาพกรดในกระเพาะที่มีมากเกินไป แต่ไม่ทำให้เกิดแผล
    กลุ่มที่พบสาเหตุความผิดปกติของกระเพาะอาหาร เช่น เกิดแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น จากการติดเชื้อแบคทีเรียเอช.ไพโลไร และ
    กลุ่มความผิดปกติจากโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร พบได้น้อยมากประมาณ 2% ของผู้ป่วยที่มาด้วยอาการปวดท้อง ซึ่งสงสัยว่าเป็นโรคกระเพาะอาหาร
    โรคกระเพาะ
    สาเหตุโรคกระเพาะที่พบบ่อย
    สาเหตุหลักเกิดจากการเสียสมดุลกรดในกระเพาะอาหารที่หลั่งออกมา ทำให้มีมากกว่าปกติจนทำให้ไปทำลายเยื่อบุกระเพาะอาหาร ซึ่งเยื่อบุกระเพาะอาหารมีความต้านทานกรดได้ไม่ดี รวมทั้งยังปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเกิดโรคที่พบบ่อย ได้แก่
    การติดเชื้อ เอช.ไพโลไร (H.Pylori : Helicobacter pylori) เป็นเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่ติดต่อจากการรับประทานอาหารและน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อเข้าไป เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะอาศัยอยู่ภายในกระเพาะอาหาร ทำให้กระเพาะอาหารมีการอักเสบเรื้อรัง จนทำลายผนังเยื่อบุกระเพาะอาหารและสำไส้เล็กส่วนต้น ทำให้เป็นแผลในกระเพาะอาหาร และยังเป็นปัจจัยเสี่ยงหนึ่งในการเกิดโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร และภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายต่อร่างกายได้อีกด้วย
    การรับประทานยาต้านการอักเสบหรือยาแก้ปวด เช่น ยาแอสไพริน ยาไอบูโปรเฟน หรือ ยาไดโคลฟีแนค ซึ่งล้วนเป็นตัวยาที่ต้องกินหลังอาหารทันที สร้างความระคายเคืองให้กับเยื่อบุกระเพาะอาหาร ทำให้กรดที่หลั่งจากกระเพาะอาหารกัดกร่อนเยื่อบุกระเพาะอาหารจนเกิดแผล
    พฤติกรรมการใช้ชีวิตส่งเสริมให้เป็นโรคกระเพาะมากขึ้น
    นอกจากการติดเชื้อแบคทีเรีย และการรับประทานยาต้านการอักเสบ ที่เป็นสาเหตุให้เกิดโรคกระเพาะแล้ว ยังมีปัจจัยด้านพฤติกรรมการใช้ชีวิต การรับประทานอาหารที่กระตุ้นให้กรดหลั่งมากกว่าปกติ ส่งเสริมให้เกิดโรคกระเพาะ เช่น
    ภาวะความเครียด ความวิตกกังวล จากการใช้ชีวิตที่เร่งรีบ หรือจากสังคมในการทำงาน
    อุปนิสัยการรับประทานอาหารที่ไม่ถูกต้อง เช่น การรับประทานอาหารอย่างเร่งรีบ รับประทานไม่ตรงเวลา และการอดอาหาร
    การรับประทานสิ่งที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อกระเพาะและลำไส้ เช่น เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ น้ำอัดลม รับประทานอาหารที่มีรสจัดเป็นประจำ เช่น รสเผ็ดจัด รสเปรี้ยวจัด
    การสูบบุหรี่ จะเป็นการเพิ่มโอกาสของการเป็นแผลที่ลำไส้เล็กส่วนต้น
    อาการสำคัญของโรคกระเพาะ
    รู้สึกปวดท้องแบบเฉียบพลัน จุกแสบ จุกแน่น บริเวณใต้ลิ้นปี่ หรือช่องท้องส่วนบนเหนือสะดือแบบเป็นๆ หายๆ เรื้อรัง และอาจมีอาการคลื่นไส้ เรอเปรี้ยวร่วมด้วย เวลาปวดมักจะสัมพันธ์กับมื้ออาหารทั้งเวลาก่อนรับประทานอาหาร หรือหลังรับประทานอาหารใหม่ๆ และเวลาท้องว่าง เหมือนที่มักได้ยินกันบ่อยๆ ว่า “หิวก็ปวด อิ่มก็ปวด” รวมทั้งมีอาการอิ่มเร็ว รับประทานอาหารได้ไม่มาก ไม่อยากอาหาร
    หากอาการดังกล่าวเกิดขึ้นมากกว่า 1-2 สัปดาห์ รวมทั้งมีอาการอาเจียนเป็นเลือด ถ่ายอุจจาระปนมูกเลือดหรือเป็นสีดำ หรือมีอาการในช่วงการรับประทานยาในกลุ่มยาแก้ปวด โดยเฉพาะยาแอสไพริน ยาระงับอาการปวดข้อ ปวดกระดูกต่างๆ ควรรีบพบแพทย์ทันทีเพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัด
    การวินิจฉัยโรคกระเพาะ
    โดยปกติแล้วผู้ป่วยที่มีอาการเข้าข่ายว่าจะเป็นโรคกระเพาะนั้น เมื่อมาพบแพทย์จะได้ทำการตรวจวินิจฉัยเบื้องต้นด้วยการซักประวัติอาการ จากนั้นจึงจะทำการตรวจร่างกายเพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัด ว่าอาจเข้าข่ายเป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบหรือไม่ รวมถึงการตรวจพิเศษอื่นๆ เพิ่มเติม ตามดุลยพินิจของแพทย์ เช่น การส่องกล้องตรวจกระเพาะอาหาร การตรวจหาเชื้อเอช.ไพโลไร ด้วยการตรวจเลือด ตรวจอุจจาระ หรือการตรวจด้วยวิธีการพ่นลมหายใจ เป็นต้น
    อาการร่วมบ่งชี้ว่าอาจมีโรครุนแรง ต้องส่องกล้องตรวจกระเพาะอาหาร
    หากมีอาการปวดท้อง รวมทั้งมีอาการร่วมที่บ่งชี้ว่าอาจมีโรครุนแรง ต้องได้รับการตรวจคัดกรองเพิ่มด้วยการส่องกล้องกระเพาะอาหาร ได้แก่ มีอาการอาเจียนต่อเนื่อง มีอาการปวดที่มีรูปแบบและความรุนแรง เช่น อาการที่รุนแรงจนต้องตื่นกลางดึก ปวดบ่อยขึ้น และไม่ดีขึ้นจากการใช้ยา มีอาการกลืนติด กลืนลำบากร่วมด้วย ตรวจพบภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ และมีภาวะเลือดออกในระบบทางเดินอาหาร เช่น อาเจียนเป็นเลือด ถ่ายเป็นเลือด ถ่ายดำ
    การรักษาโรคกระเพาะ
    เมื่อทราบว่าผู้ป่วยเป็นโรคกระเพาะมาจากสาเหตุใด แพทย์จะสามารถประเมินการรักษาที่เหมาะสม โดยวิธีการรักษาจะมี 2 วิธีหลักๆ ได้แก่
    การรักษาด้วยยา โดยขึ้นอยู่กับสาเหตุ ส่วนมากผู้ป่วยที่เป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบมักจะรักษาตามอาการเป็นหลัก ซึ่งหากผู้ป่วยที่เป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบจากการติดเชื้อ เอช.ไพโลไร แพทย์ก็จะทำการรักษาด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อช่วยในการฆ่าเชื้อ หรือจากสาเหตุอื่นๆ แพทย์จะรักษาตามอาการ และให้ยาลดกรด เพื่อช่วยให้เกิดการหลั่งกรดและรักษาแผลที่เกิดในกระเพาะอาหาร
    รักษาด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต่างๆ เช่น ล้างมือก่อนและหลังรับประทานอาหาร รับประทานอาหารที่สะอาด ปรุงสุก การรับประทานอาหารให้ตรงเวลา ไม่อดอาหาร เลี่ยงการรับประทานอาหารรสเผ็ดจัด รสเปรี้ยวจัด และสิ่งที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อกระเพาะและลำไส้ หลีกเลี่ยงความเครียด นอนหลับให้เพียงพอ เป็นต้น
    โรคกระเพาะ แม้ใครจะบอกว่าเป็นโรคธรรมดา แต่หากปล่อยปะละเลย อาจส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงตามมาได้ ที่สำคัญโรคกระเพาะอาหารมักเป็นโรคเรื้อรัง เมื่อหายแล้วยังมีโอกาสเป็นซ้ำได้อีก หากไม่ตรวจรักษาให้ถูกวิธี และระวังปฏิบัติตัวให้ถูกต้อง
    ติดตามเรื่องราวดีๆได้ที่ ilovegkr.com

Economy

  • ศาลอาญาคดีทุจริตยกฟ้องแก้สัญญาดิวตี้ฟรี
    ศาลอาญาคดีทุจริตยกฟ้องแก้สัญญาดิวตี้ฟรี

    ศาลอาญาคดีทุจริตยกฟ้องแก้สัญญาดิวตี้ฟรี

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 28 ก.พ.2566 กรณีที่นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ผู้ถือหุ้นบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายประสงค์ พูนธเนศ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง อดีตประธานบอร์ด ทอท. กับพวกรวม 14 คน เป็นจำเลยในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

    โจทก์ฟ้องว่า เดิมช่วงปี 2563 จำเลยทั้ง 14 ดำเนินการมีมติในที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ท่าอากาศยานไทย จํากัด (มหาชน) แก้ไขสัญญาที่ทำไว้กับบริษัทเอกชนรวม 5 สัญญา โดยมีมติอนุมัติ ปรับเปลี่ยนวิธีการจัดเก็บเงินค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำของสัญญาอนุญาตประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร (ดิวตี้ฟรี)

    โดยลดผลประโยชน์ที่ ทอท. จะได้รับจากสัญญาที่ทำไว้เดิม ทำให้ ทอท.รวมทั้งโจทก์ในฐานะผู้ถือหุ้นได้รับความเสียหาย จึงขอให้ศาลลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, พ.ร.บ.ตลาดหลักทรัพย์ฯ และกฎหมายอื่นๆ

    ศาลอาญาคดีทุจริตยกฟ้องแก้สัญญาดิวตี้ฟรี
    ขอบคุณรูปภาพจาก : thairath.co.th

    อย่างไรก็ตาม ศาลพิเคราะห์ว่า ข้อเท็จจริงในชั้นไต่สวนไม่ปรากฏว่า พวกจำเลยมีพฤติการณ์กระทำผิดตามที่ถูกฟ้อง ทั้งข้อหาต่างๆที่ฟ้องเข้ามา “รัฐ” เท่านั้นที่เป็นผู้เสียหาย แต่โจทก์เป็นเอกชนไม่ใช่ผู้เสียหายและไม่ได้รับความเสียหายใดๆ และจำเลยก็ไม่ได้มีเจตนากลั่นแกล้งโจทก์

    นอกจากนี้แล้วในความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯที่โจทก์อ้างมานั้น โจทก์ฟ้องคดีนี้ โดยที่ยังไม่ได้ปฏิบัติไปตามเงื่อนไขที่ต้องทำ ดังนั้นโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องส่วนนี้ด้วย ศาลจึงมีคำพิพากษายกฟ้อง จากนั้นจำเลยได้ขอคัดคำพิพากษาเพื่อเตรียมใช้สิทธิ์อุทธรณ์ต่อไป.

    ขอบคุณแหล่งที่มา : thairath.co.th

    สามารถอัพเดตข่าวสารเรื่องราวต่างๆได้ที่ :